02:33
การวอร์มนิ้วเบื้องต้น
วิธีการวอร์มนิ้วเพื่อให้คุ้นชินกับกีต้าร์มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ในหน้านี้จะรวมรวบวิธีที่ผู้เขียนเคยใช้เวลาฝึกเล่นใหม่ๆ
1. ฝึกความคล่องตัวของมือซ๊าย (1)
2. ฝึกความคล่องตัวของมือซ๊าย (2)
3. ฝึกความคล่องตัวของมือซ๊าย (3)
4. ฝึกเล่นโน๊ตโครมาติก
5. ฝึกไล่สเกล 1 อ็อกเทฟ
6. ฝึกไล่สเกล 2 อ็อกเทฟ
7. ฝึกกล้ามเนื้อมือซ๊าย
1. ฝึกความคล่องตัวของมือซ๊าย (1)
2. ฝึกความคล่องตัวของมือซ๊าย (2)
3. ฝึกความคล่องตัวของมือซ๊าย (3)
4. ฝึกเล่นโน๊ตโครมาติก
5. ฝึกไล่สเกล 1 อ็อกเทฟ
6. ฝึกไล่สเกล 2 อ็อกเทฟ
7. ฝึกกล้ามเนื้อมือซ๊าย
05:46
มีเพลงหนึ่งที่เคยฟังมานานแล้ว แต่วันนี้เพิ่งรู้ความหมายจริงๆจากแฟจของคนแต่ง น่าสนใจจริงๆว่าเพลงๆหนึ่งสามารถตีความได้ต่างกันขนาดนี้ ต่างทั้งในเชิงเนื้อหา และความลึกซึ้งของเพลง
เพลงนี้ชื่อว่าไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ภายในเพลงเล่าถึงเจ้าไม้ขีดไฟที่แอบหลงรักเจ้าดอกทานตะวัน แต่ดอกทานตะวันนั้นเป็นที่รู้กันว่าจะหันไปหาแสงจากดวงอาทิตย์เท่านั้น เจ้าไม้ขีดไฟรู้ดังนั้นจึงจุดไฟเผาตัวเองเสีย เพื่อให้เจ้าดอกทานตะวันหันมาดู แต่พอเจ้าดอกทานตะวันหันมา ก็เห็นเพียงกองเถ้าถ่าน จึงหันกลับไปหาดวงอาทิตย์ดังเดิม
ฟังทีไรก็นึกถึงความรักอันมุทะลุเสียทุกที รักเขาถึงแม้ตายก็ยอม ขอแค่ให้เขาหันมามองเสียหน่อยก็ยังดี
ไม่รู้จะบอกว่าเจ้าไม้ขีดไฟนั้นรักมั่งคง หรือไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรดี
มันน่าสนใจตรงที่ว่า เจ้าของเพลงเค้ามองเพลงนี้ในอีกมุมมองหนึ่ง เค้าให้ลองนึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ยอมตายเพื่อปกป้องผืนป่าเป็นไม้ขีดไฟ พวกเราๆนี้แหละเป็นเจ้าดอกทานตะวัน และดวงอาทิตย์เป็นความเจริญในโลกวัตถุนิยม(อันหลังนี้คิดเอาเอง)คนที่ยอมตายเพื่ออุดมการณ์นี้ ถึงรู้ว่าไม่มีค่า แต่ก็จะยอมตายเพียงเพื่อให้เจ้าดอกทานตะวันหันมาดู
.. ผมกลับมาฟังเพลงนี้ โดยที่ไม่เคยรู้สึกขนลุกขนาดนี้กับเพลงไหนมาก่อนเลยในชีวิต
โศกนาฏกรรมไม้ขีดไฟ
มีเพลงหนึ่งที่เคยฟังมานานแล้ว แต่วันนี้เพิ่งรู้ความหมายจริงๆจากแฟจของคนแต่ง น่าสนใจจริงๆว่าเพลงๆหนึ่งสามารถตีความได้ต่างกันขนาดนี้ ต่างทั้งในเชิงเนื้อหา และความลึกซึ้งของเพลง
เพลงนี้ชื่อว่าไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ภายในเพลงเล่าถึงเจ้าไม้ขีดไฟที่แอบหลงรักเจ้าดอกทานตะวัน แต่ดอกทานตะวันนั้นเป็นที่รู้กันว่าจะหันไปหาแสงจากดวงอาทิตย์เท่านั้น เจ้าไม้ขีดไฟรู้ดังนั้นจึงจุดไฟเผาตัวเองเสีย เพื่อให้เจ้าดอกทานตะวันหันมาดู แต่พอเจ้าดอกทานตะวันหันมา ก็เห็นเพียงกองเถ้าถ่าน จึงหันกลับไปหาดวงอาทิตย์ดังเดิม
ฟังทีไรก็นึกถึงความรักอันมุทะลุเสียทุกที รักเขาถึงแม้ตายก็ยอม ขอแค่ให้เขาหันมามองเสียหน่อยก็ยังดี
ไม่รู้จะบอกว่าเจ้าไม้ขีดไฟนั้นรักมั่งคง หรือไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรดี
มันน่าสนใจตรงที่ว่า เจ้าของเพลงเค้ามองเพลงนี้ในอีกมุมมองหนึ่ง เค้าให้ลองนึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ยอมตายเพื่อปกป้องผืนป่าเป็นไม้ขีดไฟ พวกเราๆนี้แหละเป็นเจ้าดอกทานตะวัน และดวงอาทิตย์เป็นความเจริญในโลกวัตถุนิยม(อันหลังนี้คิดเอาเอง)คนที่ยอมตายเพื่ออุดมการณ์นี้ ถึงรู้ว่าไม่มีค่า แต่ก็จะยอมตายเพียงเพื่อให้เจ้าดอกทานตะวันหันมาดู
.. ผมกลับมาฟังเพลงนี้ โดยที่ไม่เคยรู้สึกขนลุกขนาดนี้กับเพลงไหนมาก่อนเลยในชีวิต
![]() |
| คุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ปกป้องผืนป่าของไทย |
05:35
คณิตศาสตร์ของการแต่งเพลง
...เคยสงสัยว่า โน๊ตดนตรีก็มีอยู่ไม่กี่ตัว จังหวะก็มีอยู่ไม่กี่จังหวะ ทำไมคนเราเล่นดนตรีกันมาหลายร้อยหลายพันปี ไม่ยักกะเบื่อกันนะ
แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า มนุษย์เราจะแต่งเพลงกันได้สักประมาณกี่เพลงกัน
ว่าแล้วก็มาลองคำนวนกันเล่นๆดูดีกว่า...
เริ่มจากลองนับโน๊ตทั้งหมดที่มี โด เร มี ฟา ซอล รา ที ถ้ารวมโน๊ตครึ่งเสียงด้วย ในหนึ่งอ็อกเทฟก็จะมีโน๊ต 12 ตัว เพลงหนึ่งๆอาจจะมีสัก 2 ออกเทฟ ถ้ามากกว่านั้นเสียงสูง-ต่ำ อาจจะห่างกันเกินไป นักร้องร้องไม่ถึง
สรุปว่าเพลงๆหนึ่งก็คงจะมีโน๊ตสัก 12x2=24 ตัวได้ ขอแถมตัวหยุดให้อีกตัวรวมเป็น 25
พูดถึงจังหวะ ส่วนมากโน๊ตที่เร็วที่สุดในเพลงก็จะเป็นโน๊ตตัวเขบ็ดสองชั้น หมายความว่า 1 จังหวะ มี 4 ตัวโน๊ต
โดยทั่วไป 1 ห้องเพลง= 4 จังหวะ ฉะนั้นก็จะมีโน๊ตตัวเขบ็ดสองชั้นอยู่ 4x4=16 ตัว
เพลงที่เบสิคที่สุดอย่างเพลงบลูส์ มักจะมีอยู่ด้วยกัน 12 ห้อง นั้นก็คือจะมีตัวเขบ็ดสองชั้นอยู่ 12x16=192 ตัว
เนื่องจากโน๊ตเขบ็ดแต่ละตัวสามาถจะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ โด-ที รวมถึงตัวหยุด ซึ่งมีทั้งหมด 25 ตัวตามที่คำนวนข้างต้น ฉะนั้นรูปแบบการเรียบเรียงโน๊ตที่เป็นไปได้ทั้งหมดก็คือ 25 คูณกัน 192 ครั้ง ซึ่งมีค่าประมาณ
25^192 = 2,537,941,837,315,650,000,... ตามด้วย"ศูนย์" อีก 250 ตัว!!!
หรือประมาณ สองพันห้าร้อยล้านล้านล้านล้าน พูดไปเรื่อยๆ สี่สิบห้าครั้ง!!!
.... มากมายเสียขนาดนี้ ต่อให้คนเราแต่งเพลงกันไปอีกจนโลกระเบิด ก็ไม่มีวันหมดหรอกครับ ใครที่บอกว่าเพลงเพราะๆในโลกนี้ถูกแต่งขึ้นจนหมดแล้ว แน่ใจได้หรอครับว่า เพลงที่เพราะที่สุดใน สองพันห้าร้อยล้านล้านล้านล้าน( 45 รอบ) เนี่ย ถูกแต่งขึ้นมาแล้ว

แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า มนุษย์เราจะแต่งเพลงกันได้สักประมาณกี่เพลงกัน
ว่าแล้วก็มาลองคำนวนกันเล่นๆดูดีกว่า...
เริ่มจากลองนับโน๊ตทั้งหมดที่มี โด เร มี ฟา ซอล รา ที ถ้ารวมโน๊ตครึ่งเสียงด้วย ในหนึ่งอ็อกเทฟก็จะมีโน๊ต 12 ตัว เพลงหนึ่งๆอาจจะมีสัก 2 ออกเทฟ ถ้ามากกว่านั้นเสียงสูง-ต่ำ อาจจะห่างกันเกินไป นักร้องร้องไม่ถึง
สรุปว่าเพลงๆหนึ่งก็คงจะมีโน๊ตสัก 12x2=24 ตัวได้ ขอแถมตัวหยุดให้อีกตัวรวมเป็น 25
พูดถึงจังหวะ ส่วนมากโน๊ตที่เร็วที่สุดในเพลงก็จะเป็นโน๊ตตัวเขบ็ดสองชั้น หมายความว่า 1 จังหวะ มี 4 ตัวโน๊ต
โดยทั่วไป 1 ห้องเพลง= 4 จังหวะ ฉะนั้นก็จะมีโน๊ตตัวเขบ็ดสองชั้นอยู่ 4x4=16 ตัว
เพลงที่เบสิคที่สุดอย่างเพลงบลูส์ มักจะมีอยู่ด้วยกัน 12 ห้อง นั้นก็คือจะมีตัวเขบ็ดสองชั้นอยู่ 12x16=192 ตัว
เนื่องจากโน๊ตเขบ็ดแต่ละตัวสามาถจะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ โด-ที รวมถึงตัวหยุด ซึ่งมีทั้งหมด 25 ตัวตามที่คำนวนข้างต้น ฉะนั้นรูปแบบการเรียบเรียงโน๊ตที่เป็นไปได้ทั้งหมดก็คือ 25 คูณกัน 192 ครั้ง ซึ่งมีค่าประมาณ
25^192 = 2,537,941,837,315,650,000,... ตามด้วย"ศูนย์" อีก 250 ตัว!!!
หรือประมาณ สองพันห้าร้อยล้านล้านล้านล้าน พูดไปเรื่อยๆ สี่สิบห้าครั้ง!!!
.... มากมายเสียขนาดนี้ ต่อให้คนเราแต่งเพลงกันไปอีกจนโลกระเบิด ก็ไม่มีวันหมดหรอกครับ ใครที่บอกว่าเพลงเพราะๆในโลกนี้ถูกแต่งขึ้นจนหมดแล้ว แน่ใจได้หรอครับว่า เพลงที่เพราะที่สุดใน สองพันห้าร้อยล้านล้านล้านล้าน( 45 รอบ) เนี่ย ถูกแต่งขึ้นมาแล้ว

16:13
ชาวสวนมือใหม่กับต้นมะม่วง
วันนี้มีนิทานสั้นๆมาฝากกันครับ
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า มีชาวสวนมือใหม่ผู้หนึ่งชื่อว่าแจ็ค แจ็คฝันอยากจะมีต้นมะม่วงสวยๆใหญ่ๆมาปลูกไว้ที่หน้าบ้าน กะไว้ว่าเมื่อมันโตขึ้น ถ้าได้กินมะม่วงสดๆหวานๆจากต้นโดยตรง ไม่ต้องไปเดินหาซื้อในตลาด ก็คงเท่ไม่หยอก
ว่าแล้วเจ้าแจ็คก็ไปเตรียมอุปกรณ์ต่างๆนาๆ เตรียมเมล็ดพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุด โตเร็วที่สุด จากความรู้ของเจ้าแจ็ค เจ้าแจ็ครู้ว่าต้นมะม่วงจะโตขึ้นได้ก็ต้องใช้น้ำ ชาวสวนมือใหม่คนนี้เลยไปหาน้ำทั้งหมดที่มี แล้วเทอัดทั้งหมดลงไปทั้งหมดคราวเดียว
น้ำซืมไหลท่วมท้นลงไปในดิน ดินจากที่แห้งเหือด ตอนนี้จะกลายเป็นโคลนตรมก็มิปานแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าต้นมะม่วงจะงอกขึ้นมาแต่อย่างใด
เจ้าแจ็คคนเก่งของเรา ก็ได้แต่นั่งสงสัย เหตุใดจึงไม่เห็นต้นมะม่วงงอกขึ้นมาสักที ว่าแล้วเจ้าแจ็คก็ไปหาปุ๋ยมาเติม มีเท่าไหร่ก็เรียกได้ว่าเทลงไปหมดหน้าตัด จนแล้วจนรอด ต้นมะม่วงก็ยังไม่ขึ้นมาสักที
จวบจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน โชคดีของเจ้าแจ็คมัน เพราะคุณลุงคนที่พักอยู่ใกล้ๆบ้านเดินผ่านมาพอดี แกก็เข้ามาทักและพูดคุยกับแจ็คด้วยความเอ็นดูว่า
"หลานเอ้ย เอ็งไม่รู้หรอว่า จะปลุกต้นไม้หน่ะ เอ็งไม่สามารถปลุกได้ในวันเดียว ทุกต้นทุกพันธุ์มันก็มีความเร็วในการโตของมันอยู่ สิ่งที่เอ็งทำคือให้น้ำ พรวนดิน ใส่ปุ่ย เอาให้มันพอเหมาะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป แต่อาศัยว่าทำทุกวัน วันแรกๆแม้จะยังไม่เห็นผล แต่ลึกลงไปในดิน ต้นกล้านั้นก็โตขึ้นเรื่อยๆ รอวันที่จะโผล่พ้นดินก็เท่านั้น"
เจ้าแจ็คได้ยินดังนั้นก็ได้แต่นั่งนึกย้อนไป
ในชีวิตจริงของคนเรานั้น บางทีเราก็พยายามจะปลูกมะม่วงในวันเดียวอยู่บ่อยครั้งไป หารู้ไม่ว่ามันก็แค่เป็นไปไม่ได้
อดทนอีกสักนิด ทำให้พอประมาณแต่ต่อเนื่อง เมื่อใดก็ตามที่ต้นกล้านั้นโผล่พ้นดินกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ผลของมันรับรองว่าหอมหวาน สมกับที่รอคอยแน่นอน
... แล้วผู้อ่านหล่ะครับ เคยคิดจะปลูกต้นมะม่วงในวันเดียวเหมือนเจ้าแจ็คหรือเปล่า?
ว่าแล้วเจ้าแจ็คก็ไปเตรียมอุปกรณ์ต่างๆนาๆ เตรียมเมล็ดพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุด โตเร็วที่สุด จากความรู้ของเจ้าแจ็ค เจ้าแจ็ครู้ว่าต้นมะม่วงจะโตขึ้นได้ก็ต้องใช้น้ำ ชาวสวนมือใหม่คนนี้เลยไปหาน้ำทั้งหมดที่มี แล้วเทอัดทั้งหมดลงไปทั้งหมดคราวเดียว
น้ำซืมไหลท่วมท้นลงไปในดิน ดินจากที่แห้งเหือด ตอนนี้จะกลายเป็นโคลนตรมก็มิปานแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าต้นมะม่วงจะงอกขึ้นมาแต่อย่างใด
เจ้าแจ็คคนเก่งของเรา ก็ได้แต่นั่งสงสัย เหตุใดจึงไม่เห็นต้นมะม่วงงอกขึ้นมาสักที ว่าแล้วเจ้าแจ็คก็ไปหาปุ๋ยมาเติม มีเท่าไหร่ก็เรียกได้ว่าเทลงไปหมดหน้าตัด จนแล้วจนรอด ต้นมะม่วงก็ยังไม่ขึ้นมาสักที
จวบจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน โชคดีของเจ้าแจ็คมัน เพราะคุณลุงคนที่พักอยู่ใกล้ๆบ้านเดินผ่านมาพอดี แกก็เข้ามาทักและพูดคุยกับแจ็คด้วยความเอ็นดูว่า
"หลานเอ้ย เอ็งไม่รู้หรอว่า จะปลุกต้นไม้หน่ะ เอ็งไม่สามารถปลุกได้ในวันเดียว ทุกต้นทุกพันธุ์มันก็มีความเร็วในการโตของมันอยู่ สิ่งที่เอ็งทำคือให้น้ำ พรวนดิน ใส่ปุ่ย เอาให้มันพอเหมาะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป แต่อาศัยว่าทำทุกวัน วันแรกๆแม้จะยังไม่เห็นผล แต่ลึกลงไปในดิน ต้นกล้านั้นก็โตขึ้นเรื่อยๆ รอวันที่จะโผล่พ้นดินก็เท่านั้น"
เจ้าแจ็คได้ยินดังนั้นก็ได้แต่นั่งนึกย้อนไป
ในชีวิตจริงของคนเรานั้น บางทีเราก็พยายามจะปลูกมะม่วงในวันเดียวอยู่บ่อยครั้งไป หารู้ไม่ว่ามันก็แค่เป็นไปไม่ได้
อดทนอีกสักนิด ทำให้พอประมาณแต่ต่อเนื่อง เมื่อใดก็ตามที่ต้นกล้านั้นโผล่พ้นดินกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ผลของมันรับรองว่าหอมหวาน สมกับที่รอคอยแน่นอน
... แล้วผู้อ่านหล่ะครับ เคยคิดจะปลูกต้นมะม่วงในวันเดียวเหมือนเจ้าแจ็คหรือเปล่า?
09:47
อิริค แพททริค แคลปตัน (Eric Patrick Clapton) เป็นมือกีต้าร์และนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เกิดเมื่อ 30 มีนาคม 1945 แคลปตันเป็นคนเดียวที่ได้รับการแต่งตั้งชื่อขึ้นบน Rock and Roll Hall of Fame ถึงสามครั้ง คือในฐานะศิลปินเดี่ยว และอีกสองครั้งในฐานะของสมาชิกวง The Yardbirds และ Cream อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 2 ของ 100 มือกีต้าร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดการจากนิตยสาร rollingstone
ช่วงกลางปี 1960s, แคลปตันได้แยกตัวออกจากวง Yardbirds เพื่อเล่นเพลงบลูส์กับ John Mayall & the Bluebreakers ในระหว่างนั้นเองเขาได้ฉายาว่า "Slowhand" (มือที่เชื่องช้า) ซึ่งจริงๆแล้วมาจากคำว่า "Slow handclap" (การตบมืออย่างช้าๆ) ซึ่งเป็นอาการของคนดูที่เมื่อแคลปตันทำสายกีต้าร์ขาดระหว่างการแสดง คนดูจะตบมือเป็นจังหวะรออย่างใจเย็น แคลปตันนั้นเป็นมือกีต้าร์ที่เล่นเร็ว ฉะนั้นการใช้ชื่อว่า Slowhand จึงเป็นเหมือนการล้อคำอย่างหนึ่ง
หลังจากแยกตัวจาก John Mayall แคลปตันก็ได้เข้าร่วมกับวง Cream เพลงอมตะหลายๆเพลง อย่างเช่น I shot the Sheriff, Layla, Crossroads ก็เกิดขึ้นในช่วงนี้นี่เอง [1]
ที่มาของเพลง Layla
เพลงนี้แคลปตันได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีเปอร์เซียนเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า The Story of Layla and Majnun เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งตกหลุมรักกับสาวงามผู้หนึ่งซึ่งแต่งงานแล้ว จึงได้กลายเป็นบ้าเพราะไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้ [2]
ที่มาของเพลง Wonderful Tonight
เพลงนี้แคลปตันแต่งให้กับ Pattie Boyd (ซึ่งเธอคนนี้เป็นนางแบบและเป็นภรรยาของ George Harrison แห่งวงเดอะบีเทิลด้วย!) ในเดือนกันยายน ของปี 1976 แคลปตันเขียนเพลงนี้ขึ้นขณะที่รอเธอไปงานปาตี้ของ Paul McCartney [3]
[1] http://en.wikipedia.org/wiki/Eric_Clapton
[2] http://en.wikipedia.org/wiki/Layla
[3] http://en.wikipedia.org/wiki/Wonderful_Tonight
Eric Clapton
ใครที่ชอบเล่นกีต้าร์แต่ไม่รู้จักตำนานผู้นี้ ถือว่าชีวิตไม่ครบครันมากๆครับ เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคนรู้จัก
มือกีต้าร์ผู้นี้กันดี อย่างไรก็ตาม ลองมารับชมฝีมือของเขากันอีกทีดีกว่าครับ
มือกีต้าร์ผู้นี้กันดี อย่างไรก็ตาม ลองมารับชมฝีมือของเขากันอีกทีดีกว่าครับ
อิริค แพททริค แคลปตัน (Eric Patrick Clapton) เป็นมือกีต้าร์และนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เกิดเมื่อ 30 มีนาคม 1945 แคลปตันเป็นคนเดียวที่ได้รับการแต่งตั้งชื่อขึ้นบน Rock and Roll Hall of Fame ถึงสามครั้ง คือในฐานะศิลปินเดี่ยว และอีกสองครั้งในฐานะของสมาชิกวง The Yardbirds และ Cream อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 2 ของ 100 มือกีต้าร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดการจากนิตยสาร rollingstone
ช่วงกลางปี 1960s, แคลปตันได้แยกตัวออกจากวง Yardbirds เพื่อเล่นเพลงบลูส์กับ John Mayall & the Bluebreakers ในระหว่างนั้นเองเขาได้ฉายาว่า "Slowhand" (มือที่เชื่องช้า) ซึ่งจริงๆแล้วมาจากคำว่า "Slow handclap" (การตบมืออย่างช้าๆ) ซึ่งเป็นอาการของคนดูที่เมื่อแคลปตันทำสายกีต้าร์ขาดระหว่างการแสดง คนดูจะตบมือเป็นจังหวะรออย่างใจเย็น แคลปตันนั้นเป็นมือกีต้าร์ที่เล่นเร็ว ฉะนั้นการใช้ชื่อว่า Slowhand จึงเป็นเหมือนการล้อคำอย่างหนึ่ง
หลังจากแยกตัวจาก John Mayall แคลปตันก็ได้เข้าร่วมกับวง Cream เพลงอมตะหลายๆเพลง อย่างเช่น I shot the Sheriff, Layla, Crossroads ก็เกิดขึ้นในช่วงนี้นี่เอง [1]
ที่มาของเพลง Layla
เพลงนี้แคลปตันได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีเปอร์เซียนเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า The Story of Layla and Majnun เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งตกหลุมรักกับสาวงามผู้หนึ่งซึ่งแต่งงานแล้ว จึงได้กลายเป็นบ้าเพราะไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้ [2]
ที่มาของเพลง Wonderful Tonight
เพลงนี้แคลปตันแต่งให้กับ Pattie Boyd (ซึ่งเธอคนนี้เป็นนางแบบและเป็นภรรยาของ George Harrison แห่งวงเดอะบีเทิลด้วย!) ในเดือนกันยายน ของปี 1976 แคลปตันเขียนเพลงนี้ขึ้นขณะที่รอเธอไปงานปาตี้ของ Paul McCartney [3]
[1] http://en.wikipedia.org/wiki/Eric_Clapton
[2] http://en.wikipedia.org/wiki/Layla
[3] http://en.wikipedia.org/wiki/Wonderful_Tonight
05:38
สำหรับคนที่สนใจอยากเล่น แต่ยังอ่านแทปไม่เป็น ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะจริงๆแล้ว "แทป" มันก็ออกแบบมาให้มือกีต้าร์ที่ขี้เกียจอ่านโน๊ตอย่างเราๆอยู่แล้ว ก่อนอื่นเราลองมาเปรียบเทียบการอ่านแทป กับการอ่านโน๊ตกันก่อนครับ
แทปเพลง VS โน๊ตเพลง
การอ่านแทปยังข้อดีเหนือการอ่านโน๊ตอยู่อย่างก็คือ แทปจะบอกเราชัดเจนเลยว่า กดตรงนี้ๆนะ แต่ถ้าเป็นโน๊ต เราจะบอกไม่ได้โดยตรงว่าควรกดตรงไหน เพราะโน๊ตตัวหนึ่งสามารถกดได้หลายที่ในคอกีต้าร์ เวลาอ่านโน๊ตก็ต้องเดาๆเอาว่า น่าจะกดตรงนี้นะ
อย่างไรก็ตามการอ่านแทปก็จะมีข้อเสียอยู่ นั่นคือ แทปส่วนใหญ่จะไม่มีตัวบอกจังหวะกำหนดไว้ เช่น ตัวขาว ตัวดำ ตัวขเบ็ด และการอ่านโน๊ตเป็นจะทำให้เรารู้ทฤษฎีในเบื้องต้น และสามารถใช้ประยุกต์กับการเล่นให้หลากหลายขึ้นได้
ฉะนั้นถ้าถามผู้เขียนว่าการอ่านแทปกับการอ่านโน๊ตอันไหนดีกว่ากัน ก็ตอบได้ว่า ทั้งคู่ครับ แต่ขั้นต้น การอ่านแทปอาจจะเหมาะกว่า เพราะได้ผลเร็ว แต่สำหรับใครที่ต้องการพัฒนาฝีมือตัวเองให้เก่งขึ้น ก็แนะนำว่าควรจะอ่านโน๊ตเป็นด้วยครับ
การอ่านแทป
"แทป" จริงๆแล้วก็คือภาพของคอกีต้าร์ที่หงายหน้าขึ้นมาเท่านั้นเองครับ โดยบรรดทัดบนสุดคือ สาย 1 ของกีต้าร์ ไล่เรื่อยลงมาจนบรรทัดที่ 6 (สาย 6), สาย 1 นั้นคือสายที่มีเสียงสูงที่สุด, ส่วนตัวเลขที่อยู่ในแต่ละบรรทัดนั้นคือ เฟรตกีต้าร์ (Fret board) ซึ่งก็คือช่องที่อยู่ตามคอนั่นแหละครับ ดูรูปประกอบด่านล่าง คิดว่าคงจะเห็นภาพได้ชัดเจน
ไม่รู้จังหวะแล้วจะเล่นได้อย่างไร?
สำหรับแทปในเว็ปนี้ มีสองวิธีครับ หนึ่งคือดูจังหวะจากโน๊ตที่กำกับอยู่ด้านบนแทป (ไม่ได้แสดงในรูปด้านบน) สองคือ เล่นเทียบกับคลิปวีดีโอของเพลงนั้นๆครับ มีเคล็ดลับว่าให้ลองเล่นตามแทปไปก่อนสักห้องนึง โดยที่ยังไม่ต้องสนใจจังหวะ ถ้าเพลงนั้นเป็นเพลงที่เรารู้จัก โดยมากเราจะจับได้เองครับว่าจังหวะของท่อนเมโลดี้ (ท่อนร้อง) ควรเป็นยังไง ช่วงไหนที่เล่นออกมาแล้วฟังดูไม่คุ้น ก็เป็นไปด้วยว่า เป็นส่วนของการเกาที่ผู้เขียนเพิ่มเข้าไป ตรงส่วนนี้ก็แนะนำให้กลับไปฟังในคลิปครับ
ปกติแล้วกว่าจะเล่นเพลงนึงได้ใช้เวลาเท่าไหร่?
อันนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เลยครับ บางคนอาจเห็นแล้วเล่นได้เลย สำหรับผู้เล่นใหม่ สำหรับเพลงง่ายๆก็อาจใช้เวลาสักอาทิตย์ หรือเพลงยากหน่อยก็อาจถึงเดือนก็เป็นได้ การเล่นดนตรีนั้นก็ต้องลดทุนลงแรงนึดนึงครับ แต่รับประกันว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
เคล็ดลับการอ่านแทปเบื้องต้น
สำหรับคนที่สนใจอยากเล่น แต่ยังอ่านแทปไม่เป็น ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะจริงๆแล้ว "แทป" มันก็ออกแบบมาให้มือกีต้าร์ที่ขี้เกียจอ่านโน๊ตอย่างเราๆอยู่แล้ว ก่อนอื่นเราลองมาเปรียบเทียบการอ่านแทป กับการอ่านโน๊ตกันก่อนครับ
แทปเพลง VS โน๊ตเพลง
การอ่านแทปยังข้อดีเหนือการอ่านโน๊ตอยู่อย่างก็คือ แทปจะบอกเราชัดเจนเลยว่า กดตรงนี้ๆนะ แต่ถ้าเป็นโน๊ต เราจะบอกไม่ได้โดยตรงว่าควรกดตรงไหน เพราะโน๊ตตัวหนึ่งสามารถกดได้หลายที่ในคอกีต้าร์ เวลาอ่านโน๊ตก็ต้องเดาๆเอาว่า น่าจะกดตรงนี้นะ
อย่างไรก็ตามการอ่านแทปก็จะมีข้อเสียอยู่ นั่นคือ แทปส่วนใหญ่จะไม่มีตัวบอกจังหวะกำหนดไว้ เช่น ตัวขาว ตัวดำ ตัวขเบ็ด และการอ่านโน๊ตเป็นจะทำให้เรารู้ทฤษฎีในเบื้องต้น และสามารถใช้ประยุกต์กับการเล่นให้หลากหลายขึ้นได้
ฉะนั้นถ้าถามผู้เขียนว่าการอ่านแทปกับการอ่านโน๊ตอันไหนดีกว่ากัน ก็ตอบได้ว่า ทั้งคู่ครับ แต่ขั้นต้น การอ่านแทปอาจจะเหมาะกว่า เพราะได้ผลเร็ว แต่สำหรับใครที่ต้องการพัฒนาฝีมือตัวเองให้เก่งขึ้น ก็แนะนำว่าควรจะอ่านโน๊ตเป็นด้วยครับ
การอ่านแทป
"แทป" จริงๆแล้วก็คือภาพของคอกีต้าร์ที่หงายหน้าขึ้นมาเท่านั้นเองครับ โดยบรรดทัดบนสุดคือ สาย 1 ของกีต้าร์ ไล่เรื่อยลงมาจนบรรทัดที่ 6 (สาย 6), สาย 1 นั้นคือสายที่มีเสียงสูงที่สุด, ส่วนตัวเลขที่อยู่ในแต่ละบรรทัดนั้นคือ เฟรตกีต้าร์ (Fret board) ซึ่งก็คือช่องที่อยู่ตามคอนั่นแหละครับ ดูรูปประกอบด่านล่าง คิดว่าคงจะเห็นภาพได้ชัดเจน
ไม่รู้จังหวะแล้วจะเล่นได้อย่างไร?
สำหรับแทปในเว็ปนี้ มีสองวิธีครับ หนึ่งคือดูจังหวะจากโน๊ตที่กำกับอยู่ด้านบนแทป (ไม่ได้แสดงในรูปด้านบน) สองคือ เล่นเทียบกับคลิปวีดีโอของเพลงนั้นๆครับ มีเคล็ดลับว่าให้ลองเล่นตามแทปไปก่อนสักห้องนึง โดยที่ยังไม่ต้องสนใจจังหวะ ถ้าเพลงนั้นเป็นเพลงที่เรารู้จัก โดยมากเราจะจับได้เองครับว่าจังหวะของท่อนเมโลดี้ (ท่อนร้อง) ควรเป็นยังไง ช่วงไหนที่เล่นออกมาแล้วฟังดูไม่คุ้น ก็เป็นไปด้วยว่า เป็นส่วนของการเกาที่ผู้เขียนเพิ่มเข้าไป ตรงส่วนนี้ก็แนะนำให้กลับไปฟังในคลิปครับ
ปกติแล้วกว่าจะเล่นเพลงนึงได้ใช้เวลาเท่าไหร่?
อันนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เลยครับ บางคนอาจเห็นแล้วเล่นได้เลย สำหรับผู้เล่นใหม่ สำหรับเพลงง่ายๆก็อาจใช้เวลาสักอาทิตย์ หรือเพลงยากหน่อยก็อาจถึงเดือนก็เป็นได้ การเล่นดนตรีนั้นก็ต้องลดทุนลงแรงนึดนึงครับ แต่รับประกันว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
















