มีเพลงหนึ่งที่เคยฟังมานานแล้ว แต่วันนี้เพิ่งรู้ความหมายจริงๆจากแฟจของคนแต่ง น่าสนใจจริงๆว่าเพลงๆหนึ่งสามารถตีความได้ต่างกันขนาดนี้ ต่างทั้งในเชิงเนื้อหา และความลึกซึ้งของเพลง
เพลงนี้ชื่อว่าไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ภายในเพลงเล่าถึงเจ้าไม้ขีดไฟที่แอบหลงรักเจ้าดอกทานตะวัน แต่ดอกทานตะวันนั้นเป็นที่รู้กันว่าจะหันไปหาแสงจากดวงอาทิตย์เท่านั้น เจ้าไม้ขีดไฟรู้ดังนั้นจึงจุดไฟเผาตัวเองเสีย เพื่อให้เจ้าดอกทานตะวันหันมาดู แต่พอเจ้าดอกทานตะวันหันมา ก็เห็นเพียงกองเถ้าถ่าน จึงหันกลับไปหาดวงอาทิตย์ดังเดิม
ฟังทีไรก็นึกถึงความรักอันมุทะลุเสียทุกที รักเขาถึงแม้ตายก็ยอม ขอแค่ให้เขาหันมามองเสียหน่อยก็ยังดี
ไม่รู้จะบอกว่าเจ้าไม้ขีดไฟนั้นรักมั่งคง หรือไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรดี
มันน่าสนใจตรงที่ว่า เจ้าของเพลงเค้ามองเพลงนี้ในอีกมุมมองหนึ่ง เค้าให้ลองนึกถึงคุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ยอมตายเพื่อปกป้องผืนป่าเป็นไม้ขีดไฟ พวกเราๆนี้แหละเป็นเจ้าดอกทานตะวัน และดวงอาทิตย์เป็นความเจริญในโลกวัตถุนิยม(อันหลังนี้คิดเอาเอง)คนที่ยอมตายเพื่ออุดมการณ์นี้ ถึงรู้ว่าไม่มีค่า แต่ก็จะยอมตายเพียงเพื่อให้เจ้าดอกทานตะวันหันมาดู
.. ผมกลับมาฟังเพลงนี้ โดยที่ไม่เคยรู้สึกขนลุกขนาดนี้กับเพลงไหนมาก่อนเลยในชีวิต
คุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้ปกป้องผืนป่าของไทย |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น